กรุงศรีคาดค่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.35-33.70 บาท/ดอลลาร์ นักลงทุนติดตามการประชุมธนาคารกลางหลายประเทศ จับตาเฟดส่อเร่งลดคิวอีเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์

วันที่ 13 ธันวาคม 2564 กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (13-17 ธ.ค.) ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.35-33.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 33.47 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 33.37-33.90 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเยนและฟรังก์สวิสในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่นักลงทุนซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้ลดความกังวลเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิดสายพันธุ์ Omicron หลังรายงานข่าวระบุว่าผู้ติดเชื้อในแอฟริกาใต้มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อของสหรัฐให้ความเห็นว่าในเบื้องต้นสายพันธุ์ดังกล่าวอาจจะมีความสามารถในการแพร่เชื้อสูง แต่ไม่มีความร้ายแรงมากนัก

นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,891 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 9,419 ล้านบาท

โดยกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรีมองว่านักลงทุนจะติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) โดยจุดสนใจหลักจะอยู่ที่การสื่อสารจากเฟดวันที่ 15 ธันวาคม โดยกรุงศรีคาดว่าเฟดอาจพิจารณาเร่งลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ (QE Tapering) อีกเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 3 หมื่นล้านดอลลาร์

ขณะที่ตลาดจะจับตาประมาณการอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเจ้าหน้าที่เฟด (Dot Plot) โดยแม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐออกมาตามคาดที่ 6.8% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่บ่งชี้ถึงอัตราการปรับตัวขึ้นของระดับราคาที่มากที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี และมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องถึงต้นปี 2565 ซึ่งกรุงศรีคาดว่าจะทำให้เฟดเร่งปรับนโยบายเข้าสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ดี ตลาดตอบรับการคาดการณ์ไปพอสมควร หากเฟดไม่แสดงท่าทีแข็งกร้าวจนเกินไป คาดว่าค่าเงินดอลลาร์อาจย่ำฐานก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งปริมาณการซื้อขายในตลาดจะบางลง

นอกเหนือจากการประชุมธนาคารกลางในสัปดาห์นี้ ตลาดจะติดตามตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐ การตอบโต้ของชาติตะวันตกต่อประเด็นรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในอังกฤษซึ่งรุนแรงขึ้นอีกครั้ง

สำหรับปัจจัยในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับไปสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดได้ในไตรมาส 1 ปี 2566 โดยย้ำว่า ธปท.จะดูแลนโยบายการเงินให้เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ท่าทีดังกล่าวสนับสนุนมุมมองของกรุงศรีว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงนโยบายและประเมินสถานการณ์อย่างระมัดระวังในการประชุมวันที่ 22 ธันวาคม ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากไวรัสกลายพันธุ์